Browsed by
วัน: กรกฎาคม 1, 2555

ลุยญี่ปุ่นกับโตเกียวยูกุตอนที่ 2: ลงเครื่อง ดำน้ำจากนาริตะไปโอซาก้า

ลุยญี่ปุ่นกับโตเกียวยูกุตอนที่ 2: ลงเครื่อง ดำน้ำจากนาริตะไปโอซาก้า

ดร.ฟุกุโรอุ แนะนำบทความท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นสนุกๆตอนที่ 2 โดย designil
chap2-640x360
หลังจากแพลนทริปเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาเดินทางจริงล่ะครับ วันเดินทางจริงนี่ตื่นเต้นสุด ๆ ว่าเครื่องบินจะดีเลย์มั้ย จะขึ้นรถไฟทันมั้ย ไปโอซาก้าทันมั้ย ถ้าไปไม่ทันจะทำยังไง OTL ซึ่งก็ขึ้นเครื่องตอน 6 โมงเช้าครับ (สายการบินอะไรไม่รู้ โคตรทรมานผู้โดยสาร T___T) ถึงสนามบินนาริตะประมาณบ่าย 2 ไม่มีดีเลย์

ตะกุยทางจากนาริตะสู่โอซาก้า

ก่อนอื่นจะต้องไปหาวิธีฝากกระเป๋าใหญ่ครับ เพราะผมจะไปเที่ยวโอซาก้าประมาณ 5 วันแล้วถึงกลับมาฝึกงานที่โตเกียว ซึ่งถ้าจะแบกกระเป๋าเดินทางไปกลับนี่คงลำบากมาก (เพราะต้องขึ้นลงรถไฟ) ตอนแรกเลยตัดสินใจว่าจะฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่สนามบินช่วงที่ไปเที่ยวครับ (แยกกระเป๋าสำหรับไปเที่ยวโอซาก้าออกมาเรียบร้อย)

ในสนามบินจะมีเคาน์เตอร์ที่เขียนว่า Baggage Storage อยู่ครับ คือรับฝากกระเป๋านั่นเอง คิดราคา 800 เยน/วัน สำหรับใบใหญ่ครับ ตอนแรกพี่สาวที่เคาน์เตอร์ก็ออกมายกกระเป๋าเข้าไปข้างในเรียบร้อย พอคุยไปคุยมาว่าผมอยากให้ไปส่งที่โรงแรมในโตเกียวเลยในวันอาทิตย์ (จะได้ไม่ต้องกลับสนามบินมาเอากระเป๋า) เค้าก็ไล่ไปอีกเคาน์เตอร์ที่อยู่คนละฝั่งสนามบินครับ มีชื่อว่า Baggage Transfer (จำชื่อได้ไม่ชัวร์นะครับ)

Ytm_Logo_88บริการส่งกระเป๋านี้เป็นของบริษัทแมวดำครับ ชื่อจริงว่า Kuroneko Yamato ซึ่งอยู่ในโตเกียวจะเห็นโลโก้แมวดำของบริษัทนี้อยู่เป็นระยะ ๆ ครับ บริษัทเค้าดังจริง

บริการส่งกระเป๋าของญี่ปุ่น เรียกสั้น ๆ ว่า บริษัทแมวดำ
บริการแมวดำนี่เรียกได้ว่าช่วยชีวิตเอาไว้มากครับ เพราะตอนแรกนึกว่าจะฝากกระเป๋าเอาไว้ที่ Baggage Storage ซึ่งรวม ๆ แล้วก็เสียค่าฝาก 5 วัน = 4000 เยน แถมค่านั่งรถกลับมาเอาอีก คงโดนไปเยอะ

พอคุยกับที่แมวดำ เอากระเป๋าไปชั่งแล้ว (ประมาณ 23 กิโล) แล้วก็บอกให้มาส่งที่โรงแรมในโตเกียววันอาทิตย์ เค้าก็คิดราคามาประมาณ 1600 เยน ครับ ถูกลงเยอะมาก T__Tb

พอฝากกระเป๋าเรียบร้อย ก็ลงบันไดมาแลก Japan Rail Pass ครับ ตั๋วรถไฟที่นั่ง JR ฟรีทุกที่อันนี้ต้องซื้อจากที่ไทยนะครับ จะได้เป็นคูปองเอามาแลกบัตรจริงที่ญี่ปุ่นครับ ซึ่งสถานที่แลกตั๋วก็หาง่ายดี อยู่ใกล้กับทางขึ้นรถไฟเลยครับ (สนนราคาประมาณ 12000 บาท เหมาะกับคนที่ต้องนั่งชินกันเซนไกล ๆ ครับ คุ้ม)

575858_10151225685734619_1717575145_nตั๋ว Japan Rail Pass จะเป็นกระดาษแข็งแผ่นประมาณฝ่ามือครับ ซึ่งเวลาจะเอาไปใช้แทนที่จะใช้ตั๋วรถไฟเสียบเข้าเครื่องอ่านตั๋ว (แบบขึ้น BTS) เราจะต้องโชว์ Japan Rail Pass ให้เจ้าหน้าที่แทนครับ ซึ่งก็แอบลำบากเหมือนกันเพราะแผ่นมันใหญ่ ต้องหยิบออกมาจากกระเป๋า T__T

ตั๋ว Japan Rail Pass
ถ้าจะขึ้นรถไฟชินกันเซน (เป็นรถไฟความเร็วสูงที่ใช้นั่งเวลาเดินทางไกล ๆ ครับ) จะสามารถจองที่นั่งได้ฟรีด้วย Japan Rail Pass ครับ หรือถ้าไม่ได้จองมันจะมีโบกี้ที่ไม่ต้องจองที่นั่ง ซึ่งก็ต้องไปแย่งกับเค้าเอาครับ ปกติตั๋วแบบไม่จองที่นั่งจะถูกกว่าตั๋วแบบจอง แต่เราจองได้ฟรีอยู่แล้วต้องใช้ให้คุ้ม

การจะไปนั่งชินกันเซนจะต้องเข้าเมืองก่อนครับ สนามบินนาริตะนี่แอบบ้านนอก ตอนนั่งรถไฟออกมาเต็มไปด้วยทุ่งนาฮะ OTL ซึ่งมันจะมีรถไฟความเร็วสูงที่ออกจากนาริตะเข้ามาในเมือง ชื่อ NEX (Narita Express) ปกติราคา 3000 เยน แต่ใช้ Japan Rail Pass ก็ฟรีอีกแล้วครับผม ^^

ผมต้องนั่งรถไฟประมาณ 5 ชม กว่าจะถึงโรงแรมที่พักในโอซาก้าครับ โดยเริ่มจากนั่ง NEX ไปลง Tokyo แล้วนั่ง Shinkansen ไปลงสถานี Osaka จากนั้นนั่งจากสถานี Osaka ไปสถานี Shin-Imamiya ซึ่งเป็นสถานีที่ตั้งของโรงแรมราคาถูกของเราครับ (ส่วนคุณภาพก็? เดี๋ยวมาดูกัน OTL)

ด้วยความที่เพิ่งเคยไป Backpack ครั้งแรกกันหมด ก็อาศัยการถามทางไปเรื่อย ๆ ด้วยภาษาอังกฤษปนญี่ปุ่น ตื่นเต้นดีครับ (อ๊ะเปล่า =[]=) เนื่องจากรีบมากเลยไม่ได้กินอะไรรองท้องมาเลย ระหว่างทางเลยไปร้านข้าวกล่องตรงสถานี คว้าของกินมาได้ 1 อย่าง นั่นคือ?

541954_10151225786309619_769674805_aอาหารมื้อแรกในญี่ปุ่น
มื้อแรกกินเอาถูกก่อนครับ เพราะข้าวกล่องที่สถานีโคตรแพงเลย T___T กล่องนึงพันกว่าเยน เลยหยิบอันนี้มาแบ่งกับเพื่อน กล่องละประมาณ 300 เยนครับ ตอนแรกไม่รู้ว่ามันคืออะไร พอเปิดออกมาเท่านั้นล่ะ? ขนมจีบ นี่หว่า OTL (กินที่ไทยก็ได้แบบนี้ 555)

ที่ญี่ปุ่นนี่แพ็กเกจสวยมาเป็นอันดับหนึ่งครับ (ของข้างในเป็นยังไงนี่อีกเรื่อง) อย่างในกล่องขนมจีบนี่ที่ใส่ซอสเป็นเซรามิกสวย ๆ เลยครับ ถ้าเป็นที่ไทยคงเป็นซองพลาสติกใส่ซอสธรรมดา

เส้นทางสายกุหลาบ (แบบมีหนาม) จากโอซาก้าไปโรงแรม

หลังจากนั่งรถไฟโคตรนาน ในที่สุดก็มาถึงสถานีโอซาก้าครับ แล้วก็เปลี่ยนสายรถไฟเพื่อไปโรงแรมแบบชิว ๆ ดูจากในแผนที่แล้วโรงแรมใกล้สถานีรถไฟครับ เดินลงมาต้องถึงเลย

ถึงสถานีปลายทางในที่สุดครับ ได้ยินเค้าบอกว่า อิมามิยะ อะไรสักอย่าง ก็เดินลงเลยครับ สถานีดูบ้านนอก ๆ อย่างที่คิดไว้ พอเดินออกจากประตูไปเท่านั้นแหละ? หันมาบอกเพื่อน ?ทำไมไม่เห็นเหมือนในเว็บเลยวะ?

คือมันไปโผล่ตรงไหนไม่รู้ครับ OTL หาอะไรที่หน้าตาเหมือนโรงแรมไม่เจอเลย เลยเอาแผนที่ไปถามคนแถวนั้น เค้าบอกว่ามันคนละสถานีกัน ต้องเดินไปทางนู้นนนน (แต่ไกลขนาดไหนไม่รู้ ฟังไม่ออก T__T) แถมคนที่ถามก็จิบสาเกอยู่ครับ ไม่รู้เชื่อได้มากแค่ไหน

มารู้ทีหลังว่ามันมีสถานีรถไฟ 2 สถานีชื่อคล้ายกัน คือ Shin-Imamiya กับ Imamiya ครับ ซึ่งรถไฟมันจะถึง Imamiya ก่อน แล้วสถานีต่อไปถึงจะเป็น Shin-Imamiya พวกผมดันไปลงสถานีแรกเลยหลงไปเลยครับ เพราะงั้นถ้าจะนั่งรถไฟไปไหนในญี่ปุ่นสังเกตชื่อสถานีรถไฟดี ๆ นะครับผม

ตอนนั้นก็ประมาณสามทุ่มกว่า ด้วยความที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ก็เลยยกกระเป๋าเดินไปทางที่คนญี่ปุ่นเมา ๆ เค้าบอกครับ ไฟทางมีบ้างไม่มีบ้าง มืดน่ากลัวมาก (ดีที่เป็นญี่ปุ่นครับ พวกอาชญากรมีน้อยหน่อย เดินตอนกลางคืนค่อนข้างปลอดภัย) ซึ่งก็เดินไปตามแสงไฟ หาสถานีรถไฟอันต่อไปครับ

ตะลุยโรงแรมสุดหรู (เรอะ)

เดินประมาณ 20 นาทีมั่วไปมั่วมา ในที่สุดก็เจอสถานีรถไฟครับ สถานที่เริ่มคุ้นตาล่ะ (เหมือนในเว็บ Google Map ที่ดูมาก่อนหน้านี้) ในที่สุดก็ถึงโรงแรมครับ ขาแอบล้าเหมือนกัน แต่พอเจอโรงแรมก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะ T__T

เข้าไปเชคอินที่เคาเตอร์ครับ โดยเอาใบจองที่ปรินท์มาจากเว็บไปให้เค้าดู ที่เคาเตอร์มีกระดาษที่เขียนชื่อของเราไว้อยู่แล้วครับ (แปลว่าที่โรงแรมกับเว็บ co กันดีใช้ได้) ตอนแรกเสียว ๆ เหมือนกันว่ามันจะมีที่ไหนที่จองโรงแรมแบบไม่ต้องจ่ายตังค์ตอนจอง = =? ซึ่งมันก็มีจริง ๆ ซะด้วย

พอรับกุญแจเข้าไป ขึ้นไปชั้น 11 เปิดประตูห้องไปเท่านั้นแหละ?

ห้องในโรงแรม Sun Plaza
ทำไมห้องมันเล็กแบบนี้ =[]=! ห้องขนาด 4 เสื่อทาทามิครับ ขนาดประมาณ 2?2 เมตรถ้วน แล้วต้องนอน 3 คน พอวางที่นอน 3 อันเรียงติดกันที่ก็หมดพอดีเลยครับ T___T

391568_10151225685944619_1266204995_nตามที่เห็นในรูปคือเพื่อนจะนอนให้ดูว่าขนาดห้องมันใหญ่แค่ไหน = =? อันนี้พยายามถ่ายให้เห็นรอบ ๆ ที่สุดแล้ว แต่หลังติดประตูครับเลยถ่ายได้เท่าที่เห็น ห้องมันโคตรของโคตรเล็กเลยครับ สำหรับนอน 3 คนนะ

เวลานอนเสร็จก็จะเก็บที่นอนไปสองฝั่งแล้วเว้นตรงกลางไว้ครับ เอาไว้วางโต๊ะเล็ก ๆ กินข้าวได้ T____T แค่ฟังก็อนาถแล้วใช่มั้ยครับ (แต่มันเป็นเรื่องจริง)

ส่วนที่กากต่อมาคือห้องน้ำครับ ห้องพักไม่มีห้องน้ำในตัว (แน่ล่ะ ห้องกระจิ๊ดแค่นี้) เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินออกไปห้องน้ำที่เค้าเตรียมไว้ให้ ซึ่งจะมีให้แต่ละชั้น แยกชายหญิงครับ

ห้องอาบน้ำก็มี 2 ออพชั่นครับ แบบอาบรวมฟรีกับอาบหยอดเหรียญ อาบรวมนี่เปิด 5 โมงเย็น ? 4 ทุ่ม ซึ่งไม่เคยกลับโรงแรมมาทันอาบรวมเลยครับ T__T แต่ถึงกลับมาทันก็ไม่ค่อยกล้าอาบ = =? มันเป็นอาบแบบออนเซนครับ (แช่บ่อเดียวกันทุกคน)

ทุกคืนจะพึ่งพิงห้องอาบน้ำแบบหยอดเหรียญครับ ส่วนตอนเช้าไม่อาบนะ 555+ ค่าอาบน้ำคือ 5 นาที 100 เยน เปิดน้ำเท่าไรก็ได้ ถ้าปิดน้ำไปก็ยังนับเวลาอยู่ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าปิดน้ำยังนับเวลา ก็เลยเปิดแค่ตอนใช้แล้วรีบปิด นับเป็นความทรมานสุดยอดในการอาบน้ำเลยครับ T___T ซึ่งจะอาบเพลิน ๆ ก็ไม่ได้เพราะถ้าหมด 5 นาทีมันต้องเติมอีก 100 เยน จนกันพอดี (เพื่อนผมโดนไปเรียบร้อยวันแรก ๆ พอหลัง ๆ นี่โปร)

ทาโกยากิราคาถูก เหมาะกับนักท่องเที่ยวจน ๆ
คืนแรกพอมาถึงโรงแรมก็ต้อง Survey รอบ ๆ ที่พักก่อนครับ (ถึงขาจะแอบล้าก็เถอะ) เจอพวก Supermarket ดัง ๆ เช่น Lawson (คล้าย ๆ 7-11 ในไทยเลยครับ เจอทุกแยก) แล้วก็เจอร้านทาโกยากิที่ @ncpeak บอกว่าถูกมากกกกกกก เลยไปลองชิมมาครับ

582642_10151225686089619_127144372_nร้าน Takoyaki อันนี้ถูกจริงครับ สนนราคา 12 ลูก 300 เยน (ลูกละ 25 เยน) กินกันจนอิ่มแป้งเลยครับ (ไม่อยากเอารูปทาโกะมาลง เดี๋ยวคนอ่านบลอคนี้ตอนกลางดึกจะหิวกันฮะ)

ข้าง ๆ ร้านทาโกะมีห้างที่มีปาจิงโกะอยู่ครับ เพื่อนอยากลองเลยไปจัดสัก 1 เกม ซึ่งก็เล่นไม่เป็นครับ พนักงานเค้าก็มาแนะนำวิธีเล่นให้ โดยเล่น 1 เกมใช้เงิน 1000 เยนเลยทีเดียว (แอบแพง T___T)

ปาจิงโกะเป็นการยิงลูกเหล็กให้ลงรู แล้วเครื่องจะทำการสุ่มการ์ด 3 ใบครับ ถ้าสีเดียวกันรู้สึกมันจะลูกเหล็กเพิ่ม โดยเราเอาลูกเหล็กไปแลกเงินได้ (ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจวิธีเล่น อาจจะมั่ว ๆ ไปบ้างนะครับ 555)

สำหรับข้าวมื้อเย็น (หรือมื้อดึกก็ไม่รู้) ของวันนี้ก็จบที่ร้านข้าวกล่องราคาถูกหน่อยครับ เหมือนจะเป็นแบรนด์เฟรนไชน์ด้วย เพราะตอนไปเกียวโตก็เห็นแบรนด์นี้เหมือนกัน สนนราคาประมาณกล่องละ 500 เยนครับ เป็นข้าวหน้าต่าง ๆ ข้าวหน้าเนื้อ ข้าวหน้าของทอด อะไรพวกนี้

แพลนของวันพรุ่งนี้ คือ ไปซื้อตั๋ว Osaka Unlimited Pass ซึ่งเป็นตั๋วที่ใช้เที่ยวที่สำคัญ ๆ ในโอซาก้าได้ฟรีครับ โดยเหมาจ่ายในราคา 1 วัน 2000 เยน หรือ 2 วัน 2700 เยน ซึ่งพวกผมก็แพลนว่าพรุ่งนี้กับมะรืนจะเที่ยวด้วย Osaka Unlimited Pass ให้เต็มที่ครับ

สำหรับคนที่สนใจตั๋วนี้ ดูรายละเอียดที่นี่เลย: http://www.osaka-info.jp/osp/en/

ตอนต่อไปมาดูกันครับว่าเที่ยวญี่ปุ่นแล้วจะหลงมันส์ขนาดไหน !!

ลุยญี่ปุ่นกับโตเกียวยูกุตอนที่ 1: จัดกระเป๋า จองโรงแรม หาที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ลุยญี่ปุ่นกับโตเกียวยูกุตอนที่ 1: จัดกระเป๋า จองโรงแรม หาที่เที่ยวในญี่ปุ่น

ดร.ฟุกุโรอุ แนะนำบทความท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นสนุกๆ โดย designil
chap1-640x360
รู้ว่าจะได้มาฝึกงานที่ญี่ปุ่นประมาณเดือนกว่า ๆ แต่เวลาที่เตรียมตัวจริง ๆ ประมาณ 1 อาทิตย์สุดท้าย = =? เอาจริง ๆ เรื่องจัดกระเป๋าไม่ได้ค่อยได้ทำอะไรมาก เพราะช่วงที่มาฝึกงานเป็นเดือนมิถุนา ? กรกฎา ซึ่งเป็นฤดูร้อน เค้าบอกว่าอากาศจะพอ ๆ กับไทย เลยหยิบเสื้อผ้าที่ไทยใส่กระเป๋ามาได้เลย

คุณแม่ก็ช่วยเตรียมอาหารมาเยอะมาก มีมาม่า 2 โหล น้ำพริก อาหารกระป๋องนิดหน่อย ประมาณว่าถ้าตังค์หมดซื้ออะไรไม่ได้ก็คงไม่อดตาย

สิ่งที่ลำบากที่สุดช่วงนี้คือการเตรียมตัวเที่ยวก่อนไปฝึกงาน เนื่องด้วยเพื่อน ๆ คุยกันว่าเดี๋ยวฝึกงานเสร็จคงไม่มีเวลาเที่ยว (เปิดเทอมพอดี) ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นก่อนสัก 4-5 วัน ซึ่งตอนแรกก็แพลนไว้หลวม ๆ ว่าจะซื้อ Japan Rail Pass ราคา 12,000 บาทนิด ๆ แล้วไปเที่ยวสักที่ในญี่ปุ่น

JR Pass เป็นตั๋วที่สามารขึ้นรถไฟของบริษัท JR ไปที่ไหนก็ได้ในญี่ปุ่น ชินกันเซนก็ขึ้นได้ (ยกเว้นชินกันเซนแบบ NOZOMI ที่แพง + รอบวิ่งเยอะกว่าแบบปกติอีก = =?) ใช้ได้ 5 วัน สาเหตุที่ซื้อเพราะต้องนั่งชินกันเซน นั่งไป-กลับก็เกินราคาตั๋วแล้วครับ (ตอนนี้ค่าเงิน 100 เยน = 40 บาท โคตรแพง T__T)

หลังจากปรึกษาคุณพ่อที่เคยเป็นไกด์ที่ญี่ปุ่นมาก่อน พ่อบอกว่าไปใต้ดีกว่า ไปเหนือไม่น่าจะดีเพราะมีกัมมันตรังสีอยู่ (จากเหตุการณ์เตาปฏิกรณ์ระเบิดครั้งที่ผ่านมา) ก็เลยสรุปว่าโอเคไปแอ่วใต้ละกัน

ทางใต้ของญี่ปุ่นก็มีหลายเมือง (ใต้ในที่นี้หมายถึงใต้โตเกียวนะครับ OTL) ซึ่งเดินทางไกลพอสมควร ขนาดนั่งรถไฟชินกันเซน แล้วยังใช้เวลาหลายชั่วโมง เลยสรุปว่าจะไป Osaka เมืองชื่อดังในญี่ปุ่น (จริง ๆ คือได้ยินจากในการ์ตูน/หนังเยอะ) แล้วไปเที่ยวเมืองรอบ ๆ เช่น Kyoto, Nara อะไรพวกนี้ (ได้ยินชื่อเมืองจากการ์ตูนเหมือนกัน = =)

หลังจากนั้นผมก็ลิสต์ใส่กระดาษ แบ่งเป็นช่วงเช้ากับเย็นของแต่ละวัน แล้วก็ตามหาที่เที่ยวในอินเตอร์เน็ตไปพร้อมกับหาข้อมูลเรื่องการเดินทาง เพราะเรื่องเวลาสำคัญมากครับ ผมมีเวลาแค่ 4-5 วันเพราะงั้นถ้าพลาดรถไฟไปรอบนึงอาจจะเสียไปวันนึงเลย (วิธีหาที่เที่ยวอ่านได้ด้านล่างเลยนะครับ สำหรับคนที่อยากลองไป Backpack ดูบ้าง)

4040156472_409fc76963
เครื่องบินของผมจะถึงญี่ปุ่นตอนบ่าย 2 ครับ แล้วถ้านั่งเข้าเมืองไปขึ้นชินกันเซนจะใช้เวลาประมาณ 1 ชม แล้วต้องนั่งไปโอซาก้าอีก 3 ชม แล้วพอลงโอซาก้ากว่าจะไปถึงที่พักก็อีกประมาณ 1 ชม ครับ ถ้าขึ้นชินกันเซนทันรอบ 5 โมงเย็นจะถึงที่พักก็ 3 ทุ่มกว่าแล้ว

ตอนแรกพ่อกับแม่ก็แนะนำว่าน่าจะนอนโตเกียวสักวันก่อนค่อยไปโอซาก้าแบบชิว ๆ ตอนเช้า แต่ด้วยความกลัวว่าเวลาเที่ยวจะน้อยลง เลยตัดสินใจลุยไปแบบนี้แหละครับ (เอาจริง ๆ ก็แอบเสียว ๆ นะ)

ด้วยความที่ไม่เคยไปเที่ยวแบบแบ็กแพ็กเลย แล้วยังเป็นประเทศที่คนพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ (พวกผมก็พูดญี่ปุ่นไม่ค่อยได้ T___T) เลยมีความกลัวอย่างบอกไม่ถูกตอนก่อนไปครับ ซึ่งสุดท้ายด้วยความช่วยเหลือของมามี้ @ncpeak + พ่อแม่ ก็จัดทัวร์ออกมาได้เป็นแบบนี้ครับ

Day 1: (วันอังคาร) ลงเครื่อง ไปโอซาก้า

Day 2 & Day 3: (วันพุธ & พฤหัส) ซื้อบัตร Osaka Unlimited Pass (บัตรเหมาค่าเที่ยวที่ต่าง ๆ ในโอซาก้า) แล้วไปเที่ยวตามในบัตร

Day 4: (วันศุกร์) ไปเกียวโต

Day 5: (วันเสาร์) ไปนารา วัดพระใหญ่

Day 6: (วันอาทิตย์) กลับโตเกียว มานอนที่โตเกียว 1 คืนก่อนเข้าหอ

Day 7: (วันจันทร์) เข้าหอพัก เริ่มฝึกงาน

ซึ่งก็ต้องจองโรงแรมที่โอซาก้าสำหรับ Day 1 ? 5 ครับ ไปจองโรงแรมราคาถูกที่สุดในเว็บมา นอน 1 ห้อง 3 คน คนละ 1200 เยนต่อคืน (พวกผมไปกัน 3 คนครับ) ส่วนโรงแรมที่โตเกียวห้องละ 3 คนเหมือนกัน แบบถูกสุดเหมือนกัน แต่โดนไปคนละ 3000 เยนต่อคืนครับ T___T โตเกียวของแพงจริง

อ้อ อย่าเพิ่งคิดว่าโรงแรม 1200 เยนนี่ดีนะครับ เดี๋ยวมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่ามันเป็นยังไงบ้าง = =?

ต่อไปจะเป็นส่วนสำหรับคนที่อยากไป Backpack ครับ เป็นวิธีหาที่เที่ยวกับหาโรงแรม

[สำหรับคนจะไปเที่ยว] วิธีหาที่เที่ยว / วิธีการเดินทาง

พอชี้เป้าที่เที่ยวได้แล้ว ก็ได้เวลาตามหาสถานที่เที่ยวว่าแต่ละเมืองมันมีอะไรบ้าง เมืองไหนน่าไป และไปยังไงบ้าง

สำหรับการหาที่เที่ยว ผมยกให้เว็บ http://www.japan-guide.com/ เลยครับ (เว็บภาษาอังกฤษ) ข้อมูลในเว็บนี้เป๊ะมาก อยากรู้รายละเอียดที่เที่ยวที่ไหนก็เสิร์จได้เลย ปกติผมจะเสิร์จชื่อสถานที่จากใน Google ครับ แล้วมันจะขึ้นเว็บนี้มาเป็นเว็บแรก ๆ อยู่แล้ว

ในหน้ารายละเอียดของแต่ละเมือง เช่น Kyoto: http://www.japan-guide.com/e/e2158.html ก็จะมีรายชื่อที่เที่ยวในนั้นอยู่ รวมถึงจัดอันดับตามที่คนเที่ยวโหวตมาให้อีกด้วย

สมมติว่าเราอยากไปปราสาททอง Kinkakuji: http://www.japan-guide.com/e/e3908.html ในหน้ารายละเอียดสถานที่ เลื่อนหาจุดที่เขียนว่า How to get there เค้าจะอธิบายวิธีเดินทางไปจากจุดหลักต่าง ๆ เป็นตัวหนังสือ + รูปให้ดูเลยครับ

วิธีนี้ใช้กับที่เที่ยวได้ทุกเมืองเลยครับ แม้แต่เมืองหลวงอย่างโตเกียวก็ยังได้

ต่อไปขอแนะนำการหาวิธีการเดินทางอีกแบบนะครับ อันนี้เอาไว้หารถไฟที่ต้องนั่ง ผมใช้ตอนหาทางไป Osaka จาก Tokyo ครับ (เพราะเครื่องบินลงสนามบินนาริตะที่โตเกียว เลยต้องหาทางนั่งไปโอซาก้า T__T) เข้าไปที่เว็บนี้เลย http://www.hyperdia.com/en/ อ้อ ต้องใช้ IE เปิดนะครับ ไม่งั้นเว็บทำงานไม่ปกติ OTL

ตรง Search Condition จะมีช่อง From กับ To ครับ พิมพ์ชื่อของสถานีรถไฟที่เราเริ่มต้น กับสถานีปลายทาง แล้วกด Search เลย (ไม่รู้ชื่อสถานีไม่เป็นไรครับ เพราะชื่อสถานีมันจะเป็นชื่อเมืองอยู่แล้ว ส่วนใหญ่นะ เช่น Shinjuku, Harajuku, Osaka) เราจะได้ลิสต์การเดินทางว่าไปได้ทางไหนบ้าง ต้องเปลี่ยนรถไฟกี่รอบ นั่งจากสถานีไหนไปลงที่ไหน รวมถึงเวลาที่ใช้และค่ารถไฟด้วย สะดวกมาก ๆ ครับ

[สำหรับคนจะไปเที่ยว] การหาโรงแรมราคาถูก

เป็นที่ทราบกันดีว่าที่ญี่ปุ่นทุกอย่างแพงครับ โรงแรมมาตรฐานแน่นอนว่าแพงกว่าไทยชัวร์ ถ้าเราจะไปแบ็กแพ็กก็ต้องหาที่พักถูก ๆ ใช่มั้ยครับ ก่อนไปผมได้ติดต่อมามี้ @ncpeak ผู้ไปแบ็กแพ็กญี่ปุ่นมาแล้ว มามี้เขียนบลอคเกี่ยวกับการจองโรงแรมไว้ละเอียดมาก สามารถเข้าไปอ่านกันได้เลยครับ >>

วิธีการจองที่พักในญี่ปุ่นถูกๆผ่านเว็บ rakuten travel

จบแล้วครับสำหรับวันนี้ มาพูดคุยกันในส่วนคอมเม้นท์ได้นะครับ T___T (คนเขียนจะได้มีกะลังใจ 555)

เครดิตรูป จาก http://www.flickr.com/photos/26060279@N02/3334486989/ และ Daniel Hoherd (พอดีหารูปที่เข้ากับบลอคตอนนี้ไม่ได้ ;w;)